Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ลือ!หงส์เล็งทุ่ม10ล.ปอนด์คว้าเดอฟูร์เสริม




        ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าว กำลังเล็งจะทุ่มเงินจำนวน 10 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว สตีเว่น เดอฟูร์ มิดฟิลด์ สตองดาร์ ลีแอช มาร่วมทีมหลังจบซีซั่นนี้ หลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่าจะไม่สนซิวมาร่วมก๊วนอีกต่อไปแล้ว ขณะที่แหล่งข่าวระบุโอกาสเป็นไปได้สูง เหตุนักเตะเชื่อ "หงส์แดง" ในฤดูกาลหน้าน่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและคงทำให้ประสบความสำเร็จต่อไป

        "หงส์ แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งเป้าที่จะทุ่มเงินจำนวนเงิน 10 ล้านปอนด์ (ราว 480 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว สตีเว่น เดอฟูร์ กองกลาง สตองดาร์ ลีแอช ในลีกเบลเยียม มาร่วมทีม ภายหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมคู่อริร่วมลีก ที่ติดตามดูฟอร์มนักเตะรายนี้มาเป็นเวลานานร่วม 2 ปี แสดงอาการว่าจะไม่สนเซ็นสัญญาเข้าร่วมสังกัดในช่วงซัมเมอร์นี้


         พอ ล สเตฟานี่ เอเยนต์ส่วนตัวของมิดฟิลด์วัย 23 ปี ที่เตรียมย้ายออกจากต้นสังกัดเมื่อจบฤดูกาลนี้ ได้มีการพูดคุยกับ เบนฟิก้า ทีมดังแห่งลีกโปรตุเกส เมื่อเดือนก่อน ไปพร้อมกับการเจรจากับ ดาเมียง โกมอลลี่ ผู้อำนวยการฟุตบอลของ "เร้ด แมชีน" เกี่ยวกับการย้ายไปเล่นในลีกผู้ดีด้วย


         แหล่งข่าววงใน เผยถึงเรื่องดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ "โกล ดอท คอม" ว่า "ตอนนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ต่างไปจากเมื่อปีก่อน เดอฟูร์ อาจจะต้องการพัฒนาตัวเองและบรรลุเป้าหมายของตัวเองกับ ลิเวอร์พูล และเขาก็เป็นรูปแบบนักเตะที่พวกเขาต้องการเซ็นสัญญาไปร่วมทีมในเวลานี้"

โบลตันไร้สเตอร์ริดจ์ร่วมฉะ,สโต๊กจัดเต็มสู้หวังซิว



        โบลตัน วันเดอเรอร์ส จะไม่มี แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ร่วมทัพเพราะติดคัพไท เตรียมฟาดแข้งกับ สโต๊ค ซิตี้ เตรียมจัดแข้งทัพใหญ่ลงดวลหวังเก็บชัยเพื่อผ่านไปสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยมี "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปยืนรอชิงฯอยู่ก่อนหน้าแล้ว


ปรีวิวเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ
วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2554โบลตัน วันเดอเรอร์ส - สโต๊ค ซิตี้

สนาม : เวมบลีย์

        โอเว่น คอยล์ กุนซือ เดอะ ทร็อตเตอร์ส ต้องขาดดาวยิงฟอร์มแรง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ยิงไปแล้ว 6 ประตู นับตั้งแต่ยืมตัวมาจาก เชลซี เมื่อช่วงเดือนมกราคม เนื่องจากติดคัพไทรายการนี้ เพราะเคยเล่นรอบ 3 กับ สิงห์บลูส์ มาแล้ว

        คนที่อยู่ในข่ายจะเสียบแทนตำแหน่งมีทั้ง โรดริโก้ โมเรโน่ ดาวรุ่งชาวสเปน กับ อิวาน คลาสนิช กองหน้าโครแอต ซึ่ง คอยล์ ก็ไม่ปิดโอกาสของ โรดริโก้ ที่ยืมมาจาก เบนฟิก้า แม้เพิ่งจะลงตัวจริงในลีกแค่ 3 นัดเท่านั้น และยิงได้ 1 ประตู

        มาร์ค เดวิส มิดฟิลด์ร่างเล็ก หายเจ็บข้อเท้ากลับมาลงซ้อมได้ตามปกติแล้ว คาดว่าจะยึดแดนกลางแทนตำแหน่งของ สจ๊วร์ต โฮลเด้น มิดฟิลด์อเมริกัน ที่พักยาวจากเกมที่เจอ จอนนี่ อีแวนส์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียบหนัก

        ตำแหน่งแบ็กซ้าย พอล โรบินสัน จะกลับมายึดตัวจริงอีกครั้ง หลังเสียตำแหน่งให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ในสองนัดหลังสุด เนื่องจาก คอยล์ เกรงว่านักเตะจะติดโทษแบนถึงสองนัด เพราะเวลานี้โดนใบเหลืองติดตัวคาอยู่ที่ 9 ใบ

        ฌอน เดวิส และ แซม ริคเก็ตต์ส บาดเจ็บทั้งหมด ขณะที่ ริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ กลับมาจากการถูก เปรสตัน ทีมในศึกแชมเปี้ยนชิพ ยืมตัวไปใช้งานเพื่อเรียกความฟิตแล้ว แต่น่าจะเป็นแค่ตัวสำรองเหมือนเดิม

        ระบบการเล่น 4-4-2 ยุสซี่ ยาสเคไลเน่น เฝ้าเสา แผงหลังใช้ เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี่ เคฮิลล์, แซ็ต ไนท์, พอล โรบินสัน แดนกลางมี อี ชอง-ยง, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ค เดวิส, มาร์ติน เปตรอฟ แดนหน้า เควิน เดวิส จับคู่ โยฮัน เอลมานเดอร์

        ด้าน โทนี่ พูลิส กุนซือ เดอะ พ็อตเตอร์ส ไม่มีปัญหากับการจัดทัพเกมนี้ แถมเกมนี้จะได้ ยอห์น คาริว กองหน้าร่างใหญ่ หายเจ็บหลังกลับมาแล้วด้วยหลังพลาดลงเล่นถึง 4 เกม

        สภาพทีมขาดแค่ แดนนี่ ฮิกกิ้นบ็อตธอม แบ็กซ้ายเจ็บเส้นเอ็นหัวเข่าต้องพักยาว 6 เดือนคนเดียวเท่านั้น เพราะ อับดูลาย ฟาย ก็หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว

        ในถ้วยเอฟเอ คัพ พูลิส จะเลือก โธมัส โซเรนเซ่น ประตูทีมชาติเดนมาร์ก ลงเฝ้าเสาต่อเหมือนรอบที่ผ่านๆ มา ขณะที่ในพรีเมียร์ลีกโอกาสจะตกเป็นของ อัสเมียร์ เบโกวิช นายทวารทีมชาติบอสเนีย

        นอกจากนี้ พูลิส ยังเบาใจได้อีกเรื่อง เพราะสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ไม่เอาผิด ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ ศูนย์หน้าทีมชาติจาเมกา ที่ทะเลาะกับแฟนบอลท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในนัดล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว

        ระบบการเล่น 4-4-2 โธมัส โซเรนเซ่น เป็นประตู แผงหลังใช้ มาร์ค วิลสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์, โรเบิร์ต ฮูธ, แดนนี่ พิวจ์ กองกลางมี เจอร์เมน เพนแนนท์, เกล็น วีแลน, รอรี่ ดีแล็ป, แม็ทธิว เอเธอริงตัน คู่หน้าใช้ โจนาธาน วอลเตอร์ส กับ เคนวิน โจนส์

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        โบลตัน :
ยุสซี่ ยาสเคไลเน่น - เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี่ เคฮิลล์, แซ็ต ไนท์, พอล โรบินสัน - อี ชอง-ยง, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ค เดวิส, มาร์ติน เปตรอฟ - เควิน เดวิส, โยฮัน เอลมานเดอร์

        สโต๊ค :
โธมัส โซเรนเซ่น - มาร์ค วิลสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์, โรเบิร์ต ฮูธ, แดนนี่ พิวจ์ - เจอร์เมน เพนแนนท์, เกล็น วีแลน, รอรี่ ดีแล็ป, แม็ทธิว เอเธอริงตัน - โจนาธาน วอลเตอร์ส, เคนวิน โจนส์

        ผู้ตัดสิน :
ฮาวเวิร์ด เว็บบ์

มิลานยำใหญ่3-0,งูกระดูกหัก0-2,หมาป่าดับ2-3



        "ปีศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน ฟอร์มแจ่มเปิดรังต้อน ซามพ์โดเรีย 3-0 รั้งจ่าฝูงที่ 71 คะแนน ด้าน "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ออกอาการสะดุดบุกปราชัยให้กับ ปาร์ม่า 0-2 แทบจะหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้แล้ว ขณะที่ "หมาป่า" โรม่า นำก่อนแต่กลับแผ่วปลาย เปิดรังพ่าย ปาแลร์โม่ 2-3 อยู่อันดับ 8 เหมือนเดิม


ฟุตบอลกัลโช่เซเรีย อา อิตาลี
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2554
เอซี มิลาน 3 - 0 ซามพ์โดเรีย

สนาม : ซาน ซีโร่

     มิลาน เจ้าของบัลลังก์จ่าฝูง เปิดบ้านรับมือ ซามพ์โดเรีย ที่ฟอร์มตกอย่างแรง โดยเจ้าถิ่นไม่มี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดนแบนยาว 3 นัดเป็นโอกาสสำหรับ โรบินโญ่ เล่นกองหน้าคู่ อเล็กซานเดร ปาโต้

     เริ่มเกมไม่ทันไร "ปีศาจแดง-ดำ" เกือบนำเร็ว มาร์ค ฟาน บอมเมล ผ่านบอลขึ้นหน้าให้ เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ตะบันด้วยซ้ายนอกเขตโทษ บอลพุ่งเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกหลัง
     นาที 16 เป็นทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง โซลต์ ลัคซ์โก้ โยนลูกเตะมุมให้ แฟร์นานโด ติสโซเน่ โขกหลุดกรอบออกไปนิดเดียว จากนั้น ดานิเอเล่ กัสตัลเดลโล่ เติมขึ้นมาซัดด้วยซ้ายแต่ก็ติดเซฟ คริสเตียน อับเบียติ แถม 3 นาทีต่อมา อับเบียติ บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนให้ มาร์โก อเมเลีย เฝ้าเสาแทน
     อย่างไรก็ดี กลายเป็น มิลาน นำก่อนสำเร็จจากลูกฟรีคิกด้านซ้าย คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ หวดเต็มเท้าขวาส่งบอลเสียบหน้าต่างเสาไกลอย่างสวยงาม 1-0
     ก่อนพักครึ่ง 4 นาที เจ้าบ้านต้องเปลี่ยนผู้เล่นอีกแล้ว ปาโต้ ดันเจ็บต้องส่ง อันโตนิโอ คาสซาโน่ ลงมาแทน และหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
     เล่นต่อครึ่งหลังได้ 5 นาที มิลานเกือบได้ลูกสอง ฟาน บอมเมล เล่นชิ่งกับ โรบินโญ่ ทะลุกับดักล้ำหน้าแปสวนตัว จานลูก้า คูร์ชี่ ทว่ายิงโด่งข้ามคานไม่น่าเชื่อ
     อย่างไรก็ดี ให้หลังไม่นาน เจ้าบ้านมาได้จุดโทษเมื่อ จานลูก้า ซามบร็อตต้า เติมขึ้นมาซัดมุมแคบติดเซฟ คูร์ชี่ บอลไม่พ้นอันตรายเข้าหัว มาริโอ เยเปส โหม่งไปชนแขน มัสซิโม่ วอลต้า ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าฟาวล์ทันที และเป็น อันโตนิโอ คาสซาโน่ รับหน้าที่สังหารทีมเก่าอย่างเจ็บแสบ 2-0
     แค่นั้นไม่พอ ดำเนินครบชั่วโมงนาที 62 ปีศาจแดง-ดำ ยังมาบวกเพิ่มเป็น 3-0 คาสซาโน่ หลุดขึ้นมาทางซ้ายกระดกกลับมาหน้าประตูให้ โรบินโญ่ โขกโล่งๆ ไม่เหลือซาก เป็นประตูย้ำชัยพา มิลาน ถล่มสบาย 3-0 การันตีพื้นที่จ่าฝูงเหนียวแน่นอีกสัปดาห์

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     เอซี มิลาน :
คริสเตียน อับเบียติ - อินยาซิโอ อบาเต้, ติอาโก้ ซิลวา, มาริโอ เยเปส, จานลูก้า ซามบร็อตต้า - เจนนาโร่ กัตตูโซ่, มาร์ค ฟาน บอมเมล, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ - เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง - อเล็กซานเดร ปาโต้, โรบินโญ่

     สำรอง :
มาร์โก อเมเลีย, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, มาติเยอ ฟลามินี่, อันเดรีย ปีร์โล่, เออร์บี้ เอมานูเอลสัน, ลูก้า อันโตนินี่, อันโตนิโอ คาสซาโน่

     ซามพ์โดเรีย :
จานลูก้า คูร์ชี่ - มัสซิโม่ วอลต้า, ดานิเอเล่ กัสตัลเดลโล่, กิลเบร์โต้ มาร์ติเนซ - ดานิเอเล่ เดสเซน่า, เฟร์นานโด ติสโซเน่, อันเจโล่ ปาลอมโบ, วลาดิเมียร์ โคมัน, โซลต์ ลัคซ์โก้ - นิโกล่า ปอซซี่, มัสซิโม่ มัคคาโรเน่

     สำรอง :
จูเนียร์ ดา คอสต้า, เรโต้ ซีกเลอร์, สเตฟาโน่ กูแบร์ติ, อันเดรีย โปลี, มาร์โก ปาดาลิโน่, โจนาธาน เบียเบียนี่, ลูชาโน่ ซาอูรี่

     ผู้ตัดสิน :
โดเมนิโก้ เชลี่






ปาร์ม่า 2 - 0 อินเตอร์ มิลาน

สนาม : สตาดิโอ เอ็นนิโอ ตาร์ดินี่

     ครึ่งแรกเริ่มขึ้นมาได้ 6 นาที เจ้าถิ่น ได้โอกาสยิงประตูก่อนทันทีจากลูกยิงฟรีคิก เซบาสเตียน โจวินโก้ แต่บอลข้ามคานไปไกลไม่ได้ลุ้น
     เจ้าถิ่นยังคงทำได้ดีกว่าเล็กน้อย นาทีที่ 12 สเตฟาโน่ มอร์โรเน่ เติมขึ้นมาทางขวาก่อนจะโยนเข้ากลางให้ บเลริม เชไมลี่ ได้วอลเล่ย์ แต่ยิงไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกไปอีก
     เกมยังสูสี นาทีที่ 24 "งูใหญ่" ได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษเป็น เดยัน สแตนโกวิช รักหน้าที่ยิง บอลพุ่งผ่านกำแพงไปได้แต่ชนเสาอย่างจังออกหลังไป
     ยังเป็น อินเตอร์ ที่น่าจะได้ประตู นาทีที่ 29 เป็น เดยัน สแตนโกวิช ที่ได้โอกาสยิงจากนอกเขตโทษอีกครั้งแต่คาดนี้ไปติดเซฟของ อันโตนิโอ มิรันเต้ นายทวารเจ้าถิ่น
     แต่กลับกลายเป็นปาร์ม่า ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 35 เมื่อ คริสเตียน ซัคคาร์โด้ เติมขึ้นมาทางด้านขวาก่อนจะโยนเข้ากลางให้ ฟรานซิสโก้ โมเดสโต้ เอาบอลลงก่อนไหลให้ เซบาสเตียน โจวินโก้ วิ่งเข้ามาซัดผ่านมือ ชูลิโอ เซซาร์ เข้าประตูไป ปาร์ม่า ขึ้นนำ 1-0
     หลังจากโดนนำ อินเตอร์ ก็พยายามบุกเพื่อหวังทวงประตูคืนแต่ก็มักจะเสียบอลหน้ากรอบเขตโทษ ส่วนปาร์ม่า ก็เน้นรับแล้วรอสวนกลับแต่ก็ยังทำไม่ได้ จบครึ่งแรก ปาร์ม่า นำ อินเตอร์ มิลาน อยู่ 1-0
     ครึ่งหลังเริ่มขึ้นมาก็เป็นอินเตอร์ ที่เดินหน้าบุกเข้าใส่ทันทีและก็มีลุ้นก่อนจากการหลุดเข้าไปยิงของ จามเปาโล ปาซซินี่ ในนาทีที่ 49 แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ อันโตนิโอ มิรันเต้ ที่เซฟเอาไว้ได้ทัน
     นาทีที่ 51 เจ้าถิ่นน่าจะได้ลูกจุดโทษเมื่อ อันโตนิโอ คันเดรวา ได้โอกาสโยนบอลเข้ามาในเขตโทษแต่ เซซ่าร์ กระโดดรับบอลไว้ได้แต่ก่อนหน้านั้น อเมารี คาร์วัลโญ่ เหมือนโดน ราน็อคเคีย ดึงล้มลงไปแต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร
     อินเตอร์ยังบุกอย่างหนักเพื่อตีเสมอให้ได้และก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 61 จากการยิงทางฝั่งซ้ายของ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ที่ถูกส่งลงมาในครึ่งหลังแต่บอลพุ่งเฉียดเสาออกไปนิดเดียว
     ปาร์ม่า เกือบได้ประตูที่สองในนาทีที่ 73 จากชิพของ อเมารี คาร์วัลโญ่ ทางฝั่งซ้ายแต่บอลไปตกบนคานออกหลังไปนิดเดียว
     นาที 86 ปาร์ม่าได้ประตูนำห่าง 2-0 จากการยิงของ อเมารี คาร์วัลโญ่
     หลังจากนั้นเกมของ อินเตอร์ ก็ดูช็อตๆไปไม่สามารถกดดัน ปาร์ม่า เพื่อตีเสมอได้เลย ส่วนปาร์ม่า ก็มีโอกาสบวกประตูที่สองหลายครั้งแต่ก็ยิงเพิ่มไม่ได้จบเกม ปาร์ม่า ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 แทบจะหมดหวังในการลุ้นแชมป์กับเอซี มิลาน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     ปาร์ม่า :
อันโตนิโอ มิรันเต้; คริสเตียน ซัคคาร์โด้, กาเบรียล ปาเล็ตต้า, อเลสซานโดร ลูคาเรลลี่, มัสซิโม่ ก็อบบี้; สเตฟาโน่ มอร์โรเน่, เบลริม เซมายลี่, ฟรานเชสโก้ โมเดสโต้; อันโตนิโอ คันเดรว่า, เซบาสเตียน โจวินโก้; อเมารี คาร์วัลโญ่

     สำรอง :
นิโกล่า ปาวารินี่, มาร์โก ปิซาโน่, เอ็นวานโก้ เอเมก้า, ฟรานเชสโก้ วาเลียนี่, ดานิเอเล่ กัลล็อปป้า, เอร์นัน เครสโป, วาเลรี่ โบยินอฟ

     อินเตอร์ :
ชูลิโอ เซซาร์; ยูโตะ นางาโตโมะ, ลูซิโอ, อันเดรีย ราน็อคเคีย, คริสเตียน คิวู; ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่, เดยัน สแตนโกวิช; ฮุสซีน คาร์ยา; จามเปาโล ปาซซินี่, ซามูเอล เอโต้

     สำรอง :
ลูก้า คาสเตลลัซซี่, มาร์โก มาเตรัซซี่, โจเอล โอบี, แม็คโดนัลด์ มาริก้า, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, ดีเอโก้ มิลิโต้, โกรัน ปานเดฟ

     ผู้ตัดสิน :
จานลูก้า ร็อคคี่




โรม่า 2 - 3 ปาแลร์โม่
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก

        โรม่า เปิดรังต้อนรับ ปาแลร์โม่ ด้วยปัญหาแนวรับไม่มี ฟิลิปป์ เม็กแซส พักตลอดซีซั่น กับ ฮวน ติดโทษแบน ต้องใช้ตัวสำรอง ซิโมเน่ ลอเรีย เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน ขณะที่ทีมเยือนได้ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ จอมทัพคนสำคัญกลับมาจากโทษแบน

        เริ่มเกมเป็นเจ้าบ้านได้ทักทายก่อน ดาวิด ปิซาร์โร่ โยนฟรีคิกจากขวามาหน้าเขตโทษให้ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ซัดด้วยซ้ายเต็มข้อติดเซฟ ซัลวาตอเร่ ซิริกู บอลยังมาเข้าทาง เฌเรมี่ เมเนซ ซ้ำไปติดบล็อกกองหลังอย่างน่าเสียดาย

        กระทั่งนาที 20 โรม่าได้จุดโทษเมื่อ เมเนซ ไปโดน อาร์มิน บาชิโนวิช ทำฟาวล์ต่อหน้าผู้ตัดสิน และเป็น ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ รับหน้าที่สังหารไม่มีพลาดเบิกสกอร์ 1-0

        หลังจากโดนนำ ปาแลร์โม่ พยายามตอบโต้เอาคืน อาเบล เอรนานเดซ ได้ส่องไกลเฉี่ยวเสาออกหลังนิดเดียว จนท้ายครึ่งแรกนาที 43 ทีมเยือนได้จุดโทษบ้าง นิโกลัส บูร์ดิสโซ่ พลาดท่าเหนี่ยว เมาริซิโอ ปินิย่า ล้มลงในกรอบประตู ก่อนที่ดาวยิงชิลีลุกมาซัดเองตุงตาข่าย ทำให้หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1


        เริ่มครึ่งหลังไม่นาน โรดริโก้ ตัดเด ปาดคืนหลังให้ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ สับไกด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งออกหลังไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

        ถัดมา ต๊อตติ จ่ายทะลุช่องให้ เมเนซ หลุดกัปดักล้ำหน้าเข้าไปแล้ว แต่กลับยิงเฉี่ยวเสาแรกไปไม่กี่คืบ

        "จัลโล่รอสซี่" ยังรุกหนัก และน่าจะได้ประตูอย่างที่สุดในนาทีที่ 61 เมื่อ เมเนซ หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับ ซิริกู ก่อนใจกว้างปาดเข้ากลางให้ มีร์โก วูชินิช ที่เพิ่งลงมาเป็นสำรอง แปข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ

        จากนั้น ตัดเด หลุดขึ้นไปทางขวา ก่อนโยนแฉลบ เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ เปลี่ยนทาง กระนั้น ซิริกู ยังพุ่งปัดที่เสาแรกทัน

        นาที 84 ปาแลร์โม่ได้ประตูแซงนำ 2-1 จากการซัดของ อาเบล เอร์นานเดซ

        นาที 90 อาเบล เอร์นานเดซ แผงฤทธิ์อีกครั้งซัดประตูที่สองของตัวเองและช่วยทีมเยือนนำห่างเป็น 3-1

        ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเจ้าบ้านโรม่าได้ประตูตามมาเป็น 2-3 จาก มีร์โก วูชินิช ตัวสำรอง แต่ก็ได้เพียงเท่านั้นหมดเวลา โรม่า เปิดรังถูก ปาแลร์โม่ แซงเก็บชัยสุดมันส์ 2-3 ปาแลร์โม่เก็บสามแต้มเต็มมี 47 คะแนน อยู่อันดับ 8 เหมือนเดิม ขณะที่ หมาป่า มี 53 คะแนนอยู่ในอันดับ 6 ของตาราง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        โรม่า :
อเล็กซานเดอร์ โดนี่; มาร์โก คาสเซ็ตติ, นิโกลัส บูร์ดิสโซ่, ซิโมเน่ โลเรีย, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่; ดาวิด ปิซาร์โร่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่; อเลอันโดร โรซี่ (มีร์โก วูชินิช น.57), เฌเรมี่ เมเนซ (มาร์โก บอร์ริเอลโล่ น.72), โรดริโก้ ตัดเด; ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ

        ปาแลร์โม่ :
ซัลวาตอเร่ ซิริกู; มัตเตีย คาสซานี่, โดริน โกยาน, เชซาเร่ โบโว่, เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ; จูลิโอ มิยัชโช่, อาร์มิน บาชิโนวิช (อัฟริเยีย อัคควาห์ น.63), อันโตนิโอ โนเชริโน่; ฮาเวียร์ ปาสตอเร่; อาเบล เอร์นานเดซ (จัสมิน คูร์ติช น.90), เมาริซิโอ ปินิญ่า

        ผู้ตัดสิน :
อันเดรีย โรเมโอ

สรุปผลฟุตบอลกัลโช่เซเรีย อา อิตาลี
- โรม่า แพ้ ปาแลร์โม่  2 - 3  
- เอซี มิลาน ชนะ ซามพ์โดเรีย   3 - 0
- ปาร์ม่า ชนะ อินเตอร์ มิลาน  2 - 0

มันโช่เตือนแข้งซิตี้อย่ามัวแต่ฉลองชัย



        โรแบร์โต้ มันชินี่ เตือนสติบรรดาลูกทีม แมนฯ ซิตี้ อย่าเพิ่งมัวแต่ฉลองกับชัยชนะเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด จนเพลิน ย้ำยังเหลืออีกหนึ่งเกมกว่าจะไปถึงตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ บอกหน้าตาเฉย ไม่เห็น มาริโอ บาโลเตลลี่ ไปเกรียนอะไรอีกหลังจบเกม


        โรแบร์โต้ มันชินี่
ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมากำชับบรรดาลูกทีมว่า อย่ามัวแต่เป็นปลื้มกับชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมือง 1-0 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา เพราะยังมีภารกิจลงเตะในเกมรอบชิงชนะเลิศอีกหนึ่งแมตช์ กว่าจะไปถึงตำแหน่งแชมป์  

        ยาย่า ตูเร่ กองกลางจอมแกร่งทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ อาศัยความผิดพลาดของ ไมเคิ่ล คาร์ริค ห้องเครื่อง "ปีศาจแดง" ฉกบอลเข้าไปยิงประตูชัยให้กับทัพ "เรือใบสีฟ้า" ได้เฮ ในนาทีที่ 52 พร้อมกับทำให้ แมนฯ ซิตี้ เขยิบเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปี อีกด้วย  

        "มันโช่" เปิดใจให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า "ผมแฮปปี้มากๆ แฮปปี้จริงๆ กับบรรดาแฟนบอลของเรา พวกเขาสมควรมีวันที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับบ่ายของวันนี้แล้ว แต่เราต้องไม่ลืมว่า เรายังมีอีกเกมให้ลงเล่น ชัยชนะที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแค่ในรอบรองชนะเลิศเท่านั้น"

        "มันเป็นอะไรที่ยากอยู่แล้วในการดวลกับ ยูไนเต็ด พวกเขาคุ้นเคยกับการเล่นเกมยากๆ แบบนี้มาทุกปี แต่สำหรับพวกเราแล้ว มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยทีเดียว ในช่วง 20-25 นาทีแรก เราอาจจะเล่นแบบกลัวๆ ไปหน่อย แต่ในช่วง 10-15 นาทีท้ายครึ่งแรก เราเริ่มเล่นได้ดีขึ้น เริ่มกดดันใส่พวกเขาได้ ส่วนครึ่งหลังเราครองเกมได้ ผมมีความสุขจริงๆ เพราะเรามีสปิริตที่ยอดเยี่ยม และเราสามารถเอาชนะทีมอย่าง ยูไนเต็ด ได้" กุนซือชาวอิตาเลียนวัย 46 ปี เอ่ย

        สำหรับปัญหาในช่วงหลังจบเกมที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าแบดบอยคนดัง ไปฉลองชัยชนะต่อหน้าเหล่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" เพื่อเป็นการเยาะเย้ยนั้น มันชินี่ เผยแบบแถมมุขตลกว่า "ผมมองไม่เห็นในจังหวะนั้น ผมอยากจะรอดูก่อน เพราะทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา มันเป็นความผิดของ บาโลเตลลี่ ตลอด เพราะฉะนั้น สัปดาห์หน้าเราจะจับเขาไปขังคุกเลยดีมั้ย? เราเอาเขาเข้าคุกได้เลยมั้งเนี่ยสำหรับเรื่องนี้"

        สำหรับเกมรอบชิงดำ จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ ณ สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ โดย แมนฯ ซิตี้ รอพบกับผู้ชนะระหว่าง โบลตัน วันเดอเรอร์ส กับ สโต๊ค ซิตี้ ซึ่งเตรียมลงเตะในเกมรอบตัดเชือกอีกคู่ วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายนนี้

"น้าซาร์"บาโลแค่เข้าไปเฮแฟนบอลผิดฝั่ง



        เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ยอดมือกาว แมนฯ ยูไนเต็ด มองโลกในแง่ดีเหลือเกิน ชี้ มาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวยิง แบดบอย แมนฯ ซิตี้ แค่เข้าไปเฮกับกองเชียร์ผิดฝั่งเท่านั้น ไม่ได้คิดเย้ยเหล่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" แน่นอน


        เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
ผู้รักษาประตูจอมหนึบของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แอบเหน็บเล็กๆ ในทำนองว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าดาวรุ่งจอมเกเรของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ยบรรดาแฟนบอล "เร้ด อาร์มี่" แต่ประการใด คงจะแค่เป็นการฉลองชัยชนะกับกองเชียร์ผิดฝั่งเท่านั้น ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนหลังจบเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ "ปีศาจแดง" แพ้ "เรือใบสีฟ้า" 0-1 ณ สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เมษายน ที่ผานมา

        หลังผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบเกม บาโลเตลลี่ สร้างความโกรธเคืองให้กับบรรดาลูกทีมของท่าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยการไปฉลองชัยชนะต่อหน้าเหล่าบรรดาแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด จนโดนผู้เล่น "เร้ด เดวิลส์" รุมจวกยับเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ อันแดร์สัน ที่ออกอาการของขึ้น ไล่ตามจะเอาเรื่องให้ได้เลยทีเดียว ก่อนที่ "บาโล" จะโดนพาตัวออกไปจากจุดเกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่วายยั่วโมโหเซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษด้วยการยักคิ้วหลิ่วตาเป็น การส่งท้าย ทำเอา เฟอร์ดินานด์ ฉุนขาด จนถึงขั้นฉีกเสื้อผ้าตัวเองกลางอุโมงค์เข้าห้องแต่งตัวเป็นการระบายความแค้น เลยทีเดียว

        มือกาวแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กล่าวว่า "ผมคิดว่า เขาคงจะเข้าใจผิดว่า อัฒจันทร์ฝั่งไหนที่เขาควรจะเข้าไปขอบใจบรรดาแฟนบอลของเขา บางทีในอิตาลีพวกเขาอาจจะทำอะไรกันแบบนี้ก็ได้ แต่เรามาพูดกันถึงเรื่องฟุตบอลดีกว่า มันสำคัญกว่าเรื่องพวกนี้เยอะเลย"

มูรินโญ่จวกเปาสองมาตรฐานเมินไล่อัลเวส



        โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเรอัล มาดริด ขอเฉ่งผู้ตัดสินอีกสักที หลังจากไล่ ราอูล อัลบิโอล บวกแจกจุดโทษให้ บาร์เซโลน่า แต่กลับไม่ควักใบแดงให้ ดานี่ อัลเวส ตอนเสียจุดโทษตีเสมอ เกมลีกนัดเอล กลาซิโก้ ที่เสมอกันไป 1-1 วันเสาร์ที่ผ่านมา


        โช เซ่ มูรินโญ่ กุนซือ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เงียบได้ไม่นาน ออกมาเฉ่งสิงห์เชิ้ตดำอีกครั้งจนได้ หลังสุดเซ็งที่เห็นทีมตัวเองต้องเล่น 10 คนนานกว่าครึ่งชั่วโมง เพราะ ราอูล อัลบิโอล โดนไล่ออก ทั้งยังเสียจุดโทษด้วย ในเกมไล่ตีเสมอทีม "เลือดหมูน้ำเงิน" บาร์เซโลน่า 1-1 ในศึกลา ลีกา สเปน นัดบิ๊กแมตช์ "เอล กลาซิโก้" ที่สังเวียนแข้ง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว วันเสาร์ที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะที่ ดานี่ อัลเวส แบ๊กทีมเยือน กลับรอดหน้าตาเฉย

        อัลบิโอล โดนไล่ออก และเสียจุดโทษจากจังหวะฟาวล์ ดาบิด บีย่า จนโดน ลีโอเนล เมสซี ซัดนำ 1-0 นาทีที่ 53 ก่อนมาตีเสมอจากจุดโทษเช่นกันเมื่อ อัลเวส ไปฟาวล์ มาร์เชโล่ และเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 82 โดย มูรินโญ่ บ่นกระปอดกระแปดหลังทีมตัวเองโดนไล่ออกจากจังหวะฟาวล์ที่ไม่มีอะไร ขณะที่ อัลเวส ฟาวล์เสียจุดโทษเหมือนกัน ดันลอยนวล

        "ทั้ง สองทีมเล่นได้สูสีกันในครึ่งแรก เราเล่นกันรัดกุม และรักษาทรงการเล่นเอาไว้ได้ดีตลอดเกม ชนะก็คือชนะ เสมอก็คือเสมอ แต่เราจะเลือกเอาสิ่งดีๆ จากเกมนี้ สิ่งที่เราต้องการคือการตัดสินที่เท่าเทียมกัน กฎกติกาก็เหมือนกัน และผมเบื่อเต็มที่แล้วกับการเห็นทีมเล่น 10 คน ตอนนี้ ราอูล อัลบิโอล จะพลาดนัดชิงฯ บอลถ้วยจากการฟาวล์ที่ไม่ได้มีอะไรเลย" มูรินโญ่ กล่าว ก่อนจะเหน็บแนมว่า อยากเล่นกับ บาร์ซ่า ที่มี 10 คนสักครั้ง

        "มัน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว การเล่น 10 ต่อ 11 คนกับทีมอย่าง บาร์เซโลน่า ย่อมเป็นเรื่องยากเสมอ ท่าทีของผู้ตัดสินเปลี่ยนไปกับการตัดสินใจไม่ไล่ ดานี่ อัลเวส ออกจากสนาม ผมอยากเล่นกับ บาร์เซโลน่า ที่เหลือ 10 คนสักครั้งจริงๆ" โค้ชชาวโปรตุเกส กล่าว พลางกระตุ้นแฟนบอลต่อไปว่า ขอให้ช่วยเป็นแรงใจให้ทีมในนัดชิง โกปา เดล เรย์ ที่ เมสตาย่า วันพุธนี้ พลางส่งข้อความไปถึงผู้ตัดสินที่จะทำหน้าที่ในเกมนี้ด้วย

        "แรง เชียร์จากแฟนบอลจะมีความสำคัญมากในเกมนัดชิงฯ เราคาดหวังให้แฟนบอลเคารพเกมสำคัญของทั้งสองทีม มันจะเป็นเกมที่ตึงเครียดยิ่งกว่า เราจะพยายามชนะ แต่มันเป็นเกมที่ต่างจากเกมลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก หวังอย่างยิ่งว่าเราจะชนะ และได้เล่นในเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน ซึ่งวันนี้มันไม่ใช่เลย"

ปืนเต็งอาร์วีพีส่อง,หงส์จัดหนักส่ง3ล่าบุกบู๊




<a href='http://siamsportadserver.org/adserver/www/delivery/ck.php?n=a4904455&cb=INSERT_RANDOM_NUMBER_HERE' target='_blank'><img src='http://siamsportadserver.org/adserver/www/delivery/avw.php?zoneid=29&cb=INSERT_RANDOM_NUMBER_HERE&n=a4904455' border='0' alt='' /></a>
        "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ลุ้น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงตัวเก่งประจำทัพปืนโตระเบิดฟอร์มลั่นไกล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมเยือนที่ยังคงจัดสามประสานแดนหน้า เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงโม้แข้งหวังบุกทุบกระบอกปืนเก็บสามแต้มเต็ม


ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2554
อาร์เซน่อล - ลิเวอร์พูล

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

        อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ เดอะ กันเนอร์ส ยังขอลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกไปจนถึงหยดสุดท้าย เกมนี้มีโอกาสขยับช่องห่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จาก 7 ให้เหลือ 4 พร้อมแข่งเท่ากัน 32 นัด เพราะ ปีศาจแดง มีคิวเตะเอฟเอ คัพ

        เวนเกอร์ ได้รับข่าวดีพอสมควร โวเช็ก เซสนี่ ผู้รักษาประตูชาวโปแลนด์ กับ โยฮัน ฌูรู ปราการหลังสวิตเซอร์แลนด์ หายเจ็บนิ้วมือและไหล่ (ตามลำดับ) อาจกลับคืนทีมในเกมนี้

        เซสนี่ บาดเจ็บกระดูกนิ้วแตกระหว่างเกมที่พ่าย บาร์เซโลน่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ขณะที่ ฌูรู เกิดหัวไหล่เคลื่อนในเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งทั้งคู่หายเจ็บกลับมาซ้อมได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว

        ตำแหน่งผู้รักษาประตู เยนส์ เลห์มันน์ อาจมีชื่ออยู่ในทีมต่อ เพราะ มานูเอล อัลมูเนีย ดันบาดเจ็บข้อเท้าตั้งแต่ช่วงอบอุ่นร่างกายของเกมที่ แบล็คพูล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต้องรอทดสอบความฟิต

        อเล็กซ์ ซง (เข่า) และ เดนิลสัน (นิ้วเท้า) ก็หายเจ็บกลับคืนทีมด้วย แต่ในราย บาการี่ ซานย่า ยังต้องเช็กความฟิตจากอาการบาดเจ็บเข่า อย่างไรก็ตาม เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ที่เล่นดีและยิงประตูได้ในนัดที่แล้ว อาจยึดแบ็กขวาต่อ

        โธมัส แฟร์มาเล่น เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติเบลเยียม ที่เจ็บยาวจากปัญหาที่เอ็นร้อยหวายจนถึงขั้นต้องผ่าตัด ล่าสุดกลับมาซ้อมได้แล้ว และ เวนเกอร์ วางแผนส่งนักเตะกลับมาลงเล่นเกมอุ่นเครื่องอย่างไม่เป็นทางการเร็วๆ นี้

        ระบบการเล่น 4-2-3-1 วอจเซียค เซคเซสนี่ ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โยฮัน ฌูรู, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, กาแอล กลิชี่ แดนกลางมี อเล็กซ์ ซง กับ แจ็ค วิลเชียร์ เป็นตัวตัดเกม แนวรุกวาง ธีโอ วัลค็อตต์, เชส ฟาเบรกาส, ซามีร์ นาสรี่ อยู่ด้านหลัง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

        ด้าน เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง กลับมาทำผลงานได้ดีในเกมล่าสุดที่เปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดย แอนดี้ แคร์โรลล์ ประเดิมประตูในสีเสื้อหงส์แดงได้แล้ว แถมยังยิงสองประตูด้วย อีกลูกได้จาก เดิร์ค เค้าท์ ที่เพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่

        สภาพทีมต่อจากนี้จะไม่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด จอมทัพกัปตันทีมไปจนจบฤดูกาล เพราะเจ็บโคนขาหนีบซ้ำตอนซ้อมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เช่นเดียวกับ แดเนียล แอ็กเกอร์ ที่เจ็บเข่า ต้องพักยาว 2 เดือน ปิดเทอมก่อนเพื่อนไปอีกคน

        เกล็น จอห์นสัน กับ มาร์ติน เคลลี่ สองฟูลแบ็ก เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าทั้งคู่ ต้องพักจนถึงเดือนหน้า ทำให้ จอห์น ฟลานาแกน แบ็กขวาดาวรุ่งวัย 18 ที่เพิ่งประเดิมในเกมกับ ซิตี้ อาจได้ลงเล่นต่อ ส่วนทางซ้ายไม่มีปัญหา ฟาบิโอ ออเรลิโอ ฟิตสมบูรณ์แล้ว

        ระบบการเล่น 4-3-3 โฆเซ่ มานูเอล เรน่า ลงเฝ้าเสา แผงหลัง จอห์น ฟลานาแกน รับบทแบ็กขวาต่อ ส่วนแบ็กซ้ายเป็นของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขณะที่คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เจมี่ คาร์ราเกอร์ จับคู่กับ มาร์ติน สเคอร์เทล

        แดนกลาง เจย์ สเพียริง ที่กำลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมต่อเนื่อง จะทำหน้าที่แทน เจอร์ราร์ด โดยจะประสานงานร่วมกับ ลูคัส เลวา และ ราอูล เมยเรเลส ส่วนแดนหน้ายังใช้สามประสาน เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ แคร์โรลล์

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        อาร์เซน่อล :
วอจเซียคเซค เซสนี่ - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โยฮัน ฌูรู, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, กาแอล กลิชี่ - อเล็กซ์ ซง, แจ็ค วิลเชียร์ - ธีโอ วัลค็อตต์, เชส ฟาเบรกาส, ซามีร์ นาสรี่ - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

        ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ มานูเอล เรน่า - จอห์น ฟลานาแกน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - เจย์ สเพียริง, ลูคัส เลวา, ราอูล เมยเรเลส - เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์

        ผู้ตัดสิน :
อันเดร มาร์ริเนอร์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม
                                 อาร์เซน่อล ชนะ                     เสมอ                ลิเวอร์พูล ชนะ
ลีก
                                        60                                45                               68
เอฟเอ คัพ                             7                                  4                                 5
ลีก คัพ                                  5                                  4                                 5
อื่นๆ                                      1                                   1                                 3
รวม                                      73                                 54                               81

เวนเกอร์เชื่อปืนดวลหงส์ระอุแน่

        อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล เชื่อว่าเกมที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของลิเวอร์พูลวันอาทิตย์นี้ จะเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นอย่างแน่นอน พร้อมทั้งยอมรับว่า ปืนใหญ่คงจะหมดลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ หากไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนจากหงส์แดง ได้สำเร็จ

        กุนซือวัย 61 ปี กล่าวว่า "เรามีโอกาสสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ด และเราต้องการที่จะทำให้สำเร็จ ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีในเกมเมื่อคืนวันจันทร์ ขณะที่เราก็เก็บชัยชนะมาได้เมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น ดังนั้น มันจะต้องเป็นเกมที่เข้มข้นอย่างแน่นอน พวกเขามีแผงเกมรุกที่ดี ซึ่งมีทั้ง (แอนดี้) แคร์โรลล์ และ (หลุยส์) ซัวเรซ แต่เราก็เป็นทีมที่มีเกมรุกดีเช่นกัน ซึ่งทำให้เกมนี้มีความน่าสนใจอย่างแน่นอน"

        "เราจะไม่ลงเล่นโดยมีความคิดที่ว่าหากเราไม่สามารถเก็บชัย ชนะได้ เราคิดว่านั่นคือโอกาสที่เราจะต้องคว้าให้ได้ และนั่นเป็นเกมหนึ่งที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายนั้น ดังนั้นจงพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ เราได้ผู้เล่นหลายคนกลับมาสู่ทีม บางคนก็ยังไม่พร้อมที่จะลงแข่งขัน แต่ในรายของ ฌูรู และ ซง พร้อมที่จะลงสนาม หรือแม้กระทั่ง แฟร์มาเล่น ก็กลับมาลงซ้อมอย่างเต็มที่แล้ว"

        "แต่เรายังต้องลุ้นอาการของ ซาญ่า, แรมซี่ย์ และ โรซิชกี้ แต่โดยรวมแล้วก็ไม่มีใครที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงอีก นอกจาก ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ทุกคนกลับมาลงซ้อมได้อีกครั้ง แฟร์มาเล่น มีโอกาสดีที่จะได้กลับมาลงเล่นก่อนจบฤดูกาล"

คิงเคนนี่หวังเรน่าเค้นฟอร์มหนึบ

        เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวยกย่อง โฆเซ่ เรน่า ผู้รักษาประตูชาวสเปน ให้เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมหวังให้งัดฟอร์มป้องกันประตูอันยอดเยี่ยมออกมาได้อีก ในเกมที่จะบุกไปเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม วันอาทิตย์นี้

        อาร์เซน่อลพยายามคว้าตัว เรน่า มาเฝ้าเสาเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว และจากผลงานไม่เสียประตู 9 จาก 14 เกม ซึ่งดัลกลิชหวังว่า มือกาวทีมชาติสเปน จะแสดงให้เห็นว่าทัพ ปืนใหญ่ ทำผิดพลาดครั้งสำคัญที่ไม่สามารถคว้านักเตะไปร่วมทีมได้ "ผมเชื่อเสมอว่า เปเป้ เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ถ้าไม่ดีที่สุดก็ใกล้เคียง"

        "คิงเคนนี่" ต้องการให้ เรน่า ซึ่งมีเงื่อนไขปล่อยตัวอยู่ที่ 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 980 ล้านบาท) เฝ้าเสาให้ทีมต่อไป โดยกล่าวว่า "ผมไม่สามารถพูดแทน เรน่า ได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกว่าสโมสรกำลังเดินไปถูกทางหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ดูเหมือนไม่มีความสุขสำหรับผม"

ไม่สนปืนกดดันต้องการสามแต้ม

        ดัลกลิช ยังไม่สนใจสถานการณ์ของคู่แข่งอย่างอาร์เซน่อล ที่ต้องการสามคะแนนเพื่อไล่จี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มิเช่นนั้นอาจเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่เนิ่นๆ โดย "คิงเคนนี่" หวังว่าหงส์แดงซึ่งมีฟอร์มยอดเยี่ยมในช่วง 10 นัดที่ผ่านมา จะทำผลงานได้อย่างเกมที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

        "ผมไม่สนใจว่าอาร์เซน่อลกำลังกดดันอย่างไร แต่นักเตะของเราก็กดดันเหมือนกันจากผลงานในเกมที่แล้ว ถ้ามันเป็นมาตรฐานที่ทีมต้องทำให้ได้ ผมจะตั้งตารอคอยมัน อาร์เซน่อลเป็นทีมที่เล่นอย่างน่าทึ่ง น่าพอใจมากที่ได้ชม ทุกคนในวงการลูกหนังสนุกกับการดูพวกเขา แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายในเกมที่แล้ว ถ้าเราทำได้อีกครั้ง นี่จะเป็นเกมที่สนุกสุดๆ ไปเลย" ดัลกลิชกล่าว